ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์ ไม่มีโฆษณา

ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์ ไม่มีโฆษณา

ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์ ไม่มีโฆษณา ถ้าเกิดกล่าวถึงภาพยนตร์แนวเสี่ยงอันตรายในดินแดนลี้ลับผู้คนจำนวนมากบางครั้งก็อาจจะคิดไปถึงเรื่อง Indiana Jones หรือ Tomb Raider เวลาที่แฟนเกมบางครั้งอาจจะนึกถึงเกมสุดดังอย่าง Uncharted แต่ถ้าเป็นแฟนดิสนีย์ที่เคยไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์จำเป็นที่จะต้องคิดถึงเครื่องเล่นชิ้นหนึ่งที่เป็นตัวชูโรงของสวนสนุก นั่นคือ Jungle Cruise นั่นเอง ซึ่งเดี๋ยวนี้ทางดิสนีย์ได้สร้างภาพยนตร์ที่มีแรงผลักดันจากเครื่องเล่นจำพวกนี้ออกมาแล้ว ดูหนัง ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์ รวมทั้งดึงเอานักแสดงตัวท็อปของแวดวง ทั้งยัง ดเวนย์ เดอะ ร็อค จอห์นสัน แล้วก็เอมิลี่ บลันต์ มารับบทนำปัจจุบัน หลังจากที่ตัวอย่างใหม่ของภาพยนตร์เรื่อง Jungle Cruise ปลดปล่อยฉายออนไลน์ พวกเขาก็มากับเรื่องย่อทางการของภาพยนตร์ ที่ได้ทำให้พวกเรารู้ว่าพวกเขากำลังจะพาเราไปเผชิญภัยในดินแดนแอมะชอน พร้อมเผชิญหน้ากับภัยอันตรายนานับประการ ซึ่งเรื่องย่อนั้นคือ…

รีวิว I Care a lot ช่างเถอะ ฉันไม่แคร์มาร์ล่า เกรย์สัน (โรซามันด์ ไพค์)

นักธุรกิจผู้ครอบครองบริษัทดูแลคนแก่ ที่บางครั้งอาจจะเจอปัญหาไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วพวกเขาบางทีก็อาจจะปกติดี แต่บรรดาคนเฒ่าคนแก่พวกนั้นมีสินทรัพย์รวมทั้งมรดกในกำมือตนเอง มาร์ล่าก็เลยให้แพทย์คนสนิทสนมสรุปเป็นเอกสารว่าพวกเขาไม่อาจจะดูแลตัวเองได้

แล้วก็ให้ศาลพินิจว่าพวกเขาควรมีผู้รักษาสินทรัพย์ให้อยู่ในการปกครองของบริษัทเธอธุรกิจของมาร์ล่าบางครั้งอาจจะเหยียดหยามข้อบังคับ แต่ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างล้วนเกิดขึ้นเป็นกระบวนการที่อาศัยความไว้เนื้อไว้ใจของพาร์ทเนอร์ที่ล้วนแล้วได้รับผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักผู้สูงวัย นายหน้าอสังหาริมทรัพย์

แพทย์ผู้วินิจฉัย เป็นต้น แต่กลับเปลี่ยนเป็นว่าเหยื่อรายล่าสุดของเธอ เจนิเฟอร์ ปีเตอร์สัน (ไดแอน วิร์ส) คุณยายผู้ปลดเกษียณที่ดูแลตัวเองอย่างดีเยี่ยม มีเงินทองมาก ซึ่งมาร์ล่าเลือกจะทำร้ายนั้น อันที่จริงแล้วคุณมีความลับมืดดำกว่าที่คุณคิดไว้ภายหลังที่เจนนิเฟอร์ ถูกส่งเข้าสถานพักฟื้นผู้สูงอายุ (หรือคุกในรอยเปื้อนสถานดูแลคนสูงอายุ)

นำมาซึ่งการทำให้โรมัน (ปีเตอร์ ดิจก์เลจ) ลูกชายมาเฟียของเจนนิเฟอร์ที่ไม่เคยเปิดเผยตัว จำเป็นต้องอุตสาหะช่วยแม่ของเขาออกมา แต่ก็ไม่ได้ง่ายเอาซะเลยกับการจะงัดข้อกับมาร์ล่าพวกเราจะได้เห็นการประชันกันแบบรุนแรงระหว่างมาร์ล่าและโรมัน ซึ่งภายใต้ธุรกิจสีเทานี้เอง เผยให้เราได้มองเห็นถึงความไม่ประสบผลสำเร็จของระบบผู้รักษาทรัพย์สินที่

ดูอย่างกับว่าจะเกิดมากมายหลายสาเหตุทั่วทั้งโลก ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์ ไม่มีโฆษณา แต่ว่าที่เป็นข้อความสำคัญร้อนแรงที่สุดในช่วงเวลานี้เป็นกรณีที่เกิดขึ้นกับนักร้องป๊อปสตาร์สุดยอดอย่างบริทนีย์ สเปียร์ กับ #Freebritney ที่บิดาเกิดขึ้นเกล้าของเธอเองกลายเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ของบริทนีย์และก็เอาทุกๆอย่างในชีวิตของคุณมาเป็นของตัวเองจนกระทั่งกล่าวได้ว่าเป็นการหาเลี้ยงชีพกับลูกตนเองจนเปลี่ยนเป็นหัวข้อฉาวที่ยังคงต้องตามติดเรื่องนี้กันต่อไปกลับมาที่ I Care a lot

ซึ่งเผยให้มีความคิดเห็นว่าผู้แสดงในเรื่องนั้นอุดมไปด้วยผู้กระทำผิดกฎหมายในรอยเปื้อนคนดี มิหนำซ้ำผู้ชมอย่างพวกเราก็แทบจะเอาใจช่วยข้างไหนผิดเลยเช่นกันเพราะประเมินและจากนั้นก็กล่าวได้ว่า “ต่ำช้า” พอๆกัน แต่ว่าสุดท้ายหนังก็ยังไม่ลืมที่จะชี้ให้ผู้ชมเห็นว่าทุกความประพฤติรวมทั้งทุกการตัดสินใจนั้นแพงที่พวกเขาควรต้องจ่ายแล้วก็ยอมแลกเพื่อไปถึงการบรรลุผลที่ตัวเองอยากอยู่ดี

Skylin3s หรือ Skyline 3 หนังภาคที่ 3 ของหนังทุนต่ำในปี 2010 เรื่อง Skyline

ที่ในภาคแรกเรื่องการรุกรานของเหล่าเอเลี่ยนที่มายังโลก เหล่ามนุษย์จำต้องหนีตายแล้วก็ห้ามดูแสงสีฟ้า หนังก็จบปลายเปิดให้มีภาคต่อแต่ส่วนตัวไม่คิดหรอกมันจะมี และมันก็มาจริงๆในภาค 2 Beyond Skyline (2017) มาตอนนี้เปลี่ยนแปลงแนวเลยเป็นแอ็คชันเต็มสูบ แล้วก็ยังมีภาค 3 ออกมาอีก

ที่เน้นย้ำแอ็คชันไซไฟเต็มกำลังเลยโอกาสนี้ดำเนินเรื่องนอกโลกไปเลย Skylin3s บอกเล่าเรื่องราวต่อจากภาค 2 เมื่อ Rose สาวไฮบริดลูกครึ่งมนุษย์-เอเลี่ยน จำต้องร่วมกลุ่มทำภารกิจเดินทางไปยังโลกของเหล่าเอเลี่ยนเพื่อยับยั้งไม่ให้มนุษยชาติหมดสิ้นถึงแม้นี่จะเป็นหนังภาคต่อ แต่ถึงแม้ไม่เคยมอง 2 ภาค

แรกมาก่อนก็คงจะจับใจความสำคัญและก็รู้เรื่องได้อย่างไม่ยากเย็น เนื่องจากทีแรกๆหนังก็มีการท้าวความนิดๆหน่อยๆถึงผู้แสดงหลักอย่าง Rose แล้วก็เรื่องราวที่เกิดขึ้น ในภาคนี้เดินเรื่องในอวกาศเสียโดยมาก ยกระดับความเป็นหนังเอเลี่ยนไซไฟขึ้นมากกว่าเดิม แต่เนื้อเรื่องมันเช๊ยเชย เดาไม่ยาก

แถมยังเดินเรื่องไม่ค่อยสนุกสนานสักเท่าไหร่ เล่นเอาแทบวูบเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนแรกๆปูเรื่องราวนานเกิน ฉากแอ็คชันต่างๆก็พอจะเอ็นหน้าจอยได้บ้าง ถึงบางฉากจะดูตลก แล้วก็แปลกๆไปหน่อยก็ตาม แล้วก็ในรูปภาพรวมฉากแอ็คชันยังสู้ภาค 2 ไม่ได้ ภาคนั้นมัน ดูดีและก็สนุกสนานกว่ามาก (บางทีก็อาจจะเพราะว่ามี Frank Grillo กับ Iko Uwais ด้วยกระมั้ง)

ทางด้านดาราก็ไม่ได้เด่นอะไร นับว่าอยู่ในระดับใช้ได้ ก็ยังคงรับหน้าที่ของตนเจริญ แต่ว่าในภาคนี้มีความรู้สึกว่ายกฐานะงานภาพขึ้นมาได้ดีมากยิ่งกว่าเดิม CG เนียนตา สเกลหนังใหญ่ขึ้น มีฉากเวอร์วังอลังกาลอยู่บ้าง เอาจริงเอาจังๆในตอนแรกนึกว่าจะมาแบบซัดแหลก บู๊ลั่น กระหน่ำดาวเอเลี่ยน แบบเวอร์ๆไปเลย

ไม่พล่ามไม่อะไรทั้งหมด มันก็มีอะไรทำนองนั้นแต่ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คาดสักเท่าไหร่ แต่ว่าในรูปภาพรวมมันก็ยังพอได้เพลินๆแหละมั้ง ก็ยินดีด้วยที่เข็นมาจนกระทั่งจบตรีภาคได้จากหนังทุนต่ำเรื่องนึงจริงๆตรีภาคประเด็นนี้เราเฉยๆทุกภาคเลย แม้กระนั้นถ้าถามคำถามว่าเอ็นจอยภาคไหนสุดขอเลือกเป็นภาค 2 ละกัน

รีวิวหนัง Snowpiercer ยึดด่วนวันสิ้นโลก (2013) – แอคชันไซไฟพล็อตยอดเยี่ยม สะท้อนข้อความสำคัญสังคมชักชวนให้ขบคิด

Snowpiercer (2013) ภาพยนตร์เสียดสีโลกระบบทุนนิยม พล็อตเรื่องสุดล้ำ หนึ่งในผลงานสร้างชื่อระดับฮอลลีวูดของ บงจุนโฮ (Bong Jun Ho) ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ กับผลงานสร้างชื่อสำหรับเพื่อการกำกับหนังเรื่อง Parasite (2019) เป็นประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ภาษาต่างชาติเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ดีเลิศในเวทีออสการ์

โดย Snowpiercer (2013) ก็มีข้อดีที่การวิพากษ์ใจความสำคัญชนชั้นทางสังคมด้วยเหมือนกัน Snowpiercer (2013) เล่าราวที่เกิดขึ้นในปีคริสตศักราช 2031 หลังจากความบากบั่นในการยับยั้งสถานการณ์โลกร้อนที่เข้าขั้นวิกฤต ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์ ไม่มีโฆษณา เมื่อปี 2014 ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้โลกไปสู่ยุคน้ำเแข็งอีกรอบแล้วก็ทำลายสิ่งมีชีวิตทุกจำพวกบนโลก

เหลือแต่เพียงแต่รถไฟหัวจักรที่ชื่อว่า “สโนว์เพียซเซอร์” ที่เริ่มเดินทางรอบโลกอย่างไร้จุดมุ่งหมาย โดยใช้พลังงาน “เครื่องจักรนิรันดร์” เป็นตัวเคลื่อนฝ่าสภาพอากาศอันหนาวเย็น อย่างไรก็แล้วแต่ด้านในขบวนรถไฟก็เกิดเป็นสังคมใหม่ ที่มีการแบ่งชนชั้น ริดรอนสิทธิความเป็นมนุษย์ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงจากชนชั้นแรงงานกำลังจะเกิดขึ้นแสดงนำโดย Chris Evans รับบทเป็น Curtis Everett

หัวหน้ากลุ่มปฏิรูป , Ed Harris สวมบท Wilford วิศแขนผู้สร้างรถไฟ “สโนว์เพียซเซอร์” , Tilda Swinton เล่นบท Mason ลิ่วล้อของ Wilford ปฏิบัติภารกิจบริหารจัดการความเรียบร้อยด้านในรถไฟขบวนนี้สมทบด้วย Song Kang-ho (จาก The Host 2006) เล่นบท Namgoong Min-soo ผู้ออกแบบกลไกประตูของขบวนรถไฟ และ Ko Ah-Sung (จาก The Host 2006) สวมบท Yo-na ลูกสาวตัวยุ่งของ Namgoong Min-soo

สำหรับ Snowpiercer ยึดด่วนวันสิ้นโลก (2013)

เป็นหนังที่หยิบหัวข้อความแตกต่างทางด้านสังคมรวมทั้งชนชั้นมาบอกเล่าได้อย่างถ่องแท้ ขึ้นชื่อว่าผู้กำกับ บงจุนโฮ แล้ว มั่นอกมั่นใจได้ว่าการเล่าหนังของเขามีความใส่ใจในรายละเอียด แอบแฝงไปด้วยข้อคิด และก็สื่อถึงบริบทของหนังอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น การแบ่งคลาสของรถไฟที่มีตั้งแต่ว่า

เฟิร์สคลาส ของเหล่าผู้ดี ไปจนกระทั่ง ขึ้นฟรี ที่มีชีวิตแบบขาดแคลนอยู่ด้านหลังขบวน ย่อมกำเนิดความไม่เท่าเทียม เปรียบเหมือนสังคมโลกของเราที่มีการแบ่งชนชั้นตามฐานะบารมี เหล่าผู้ดีรวยอำนาจ ดำเนินชีวิตอู้ฟู่ ตัดมาที่ชนชั้นล่าง สถานะแทบจะไม่มีสิทธิความเป็นมนุษย์ ก่อกำเนิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ

ซึ่งกลายมาเป็น Conflict ของเรื่อง และเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเริ่มต้นต่อสู้เพื่อปฎิวัติรถไฟแห่งชนชั้นขบวนนี้ความรู้สึกหลังดู ก็จะมีทั้งยังชอบและไม่ชอบ แน่นอนว่าความชอบย่อมมีมากกว่า ด้วยการเล่าเรื่องที่มีกลเม็ดเด็ดพราย ซีนอารมณ์ เพลงประกอบ ที่ใส่เข้ามาแบบถูกจังหวะ ไม่ย้ำเล่นดนตรีบิ้วท์ผู้ชม

รวมทั้งความลุ้นระทึกต่างๆในเรื่องที่ดึงความพึงพอใจได้อยู่มือ ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์ ไม่มีโฆษณา อีกทั้งในซีนต่อสู้เลือดสาด ฉากรบระหว่างทหารกับกลุ่มด้านหลังขบวน ที่บอกเลยซีนนี้ลุ้นกระทั่งนั่งไม่ติด และก็การเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในโบกี้ต่างๆของรถไฟ ทั้งยังในแบบที่โคตรตระการตา หรือในแบบที่ดูฟุ่มเฟือยไร้สาระ และในแบบที่ไม่คาดฝัน

ซึ่งต้องชื่นชอบคนที่คิดอะไรอย่างงี้มากๆเนื่องจากว่าการจะทำหนังแนวนิยายวิทยาศาสตร์ล้ำๆเรื่องหนึ่ง ควรมี reference เพื่อสร้างความเป็นไปได้ แล้วเล่าออกมาให้น่าเชื่อตามได้ด้วยนี่เจ๋งมากๆแล้วก็ MVP ของประเด็นนี้ ขอชูให้ เจ๊เมสัน เล่นบทโดย Tilda Swinton การแสดงสุดแบบสุดจริงๆสุดทุกทาง แทบลืมไปเลย

ว่าเธอคนนี้คือ “แองเชี่ยนหมากวัน” จอมเวทย์มหารอยดำ จากมาร์เวล สตูดิโอส์… นางตีบทแตกกระจุยได้ทุกคาแรคเตอร์จริงๆแต่ยังไงแล้ว หนังก็มีแผลให้เห็นอยู่บ้าง ทั้งยัง CG บางช่วงที่มีลอยๆกระโดดๆทั้งยังภูมิหลังชีวิตของตัวละครที่ยังเล่าคลุมเครือ หรือเล่าน้อยไปหน่อย ทำให้บางซีนก็ไม่อินและไม่ชื่นชอบเท่าใดโดยรวมแล้ว

Snowpiercer (2013) เป็นหนังที่จำลองมนุษยชาติกรุ๊ปในที่สุด ที่ไม่ว่าโลกจะแตก ผู้คนจะตาย การแบ่งชนชั้นทางสังคม ก็ยังมีอยู่กับมนุษย์ไปทุกๆที่ บางคนบางทีอาจคิดว่า คนที่มิได้จ่ายก็ไม่มีสิทธิเรียกร้อง แต่แม้มองดูในแง่ความเป็นมนุษย์ คนทุกคนควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างทัดเทียม ตัวหนังทั้งจิกกัดและก็เสียดสีสังคมในโลกทุนนิยมอยู่ไม่น้อย ถือเป็นหลักสำคัญสุดคลาสสิคที่บอกกล่าวสภาพสังคมปัจจุบันนี้ได้อย่างสมจริงที่สุด

รีวิว What Happened To Mr. Cha? เมื่อกิตติศัพท์มันค้ำคอ ขอยอมตายใต้ซากตึกดียิ่งกว่า!

What Happened To Mr. Cha? จัดอยู่ในกรุ๊ปภาพยนตร์ตลกเหตุการณ์ที่จับเอาหัวข้อช่วงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป จากคนมีชื่อเสียงในอดีตที่มีแฟนคลับลุ่มหลง มีภาพจำของตัวเอง (ด้วยท่าประจำตัวชี้นิ้วไปๆมาๆแบบหรูๆ) จนกระทั่งกล่าวได้ว่าชาอินพโยคือซุปเปอร์สตาร์ในยุคนั้นที่เลื่องลือจนถึงขีดสุด

ตัดกลับมาในช่วงเวลาตอนนี้ (ซึ่งหนังก็เริ่มยั่วล้อจิกกัดแวดวงรื่นเริงตรงจุดนี้) ที่เปิดเผยให้เห็นชีวิตของชาอินพโยที่ยังคงรับงานในแวดวงหรรษา แม้กระนั้นก็ดูราวกับว่าความนิยมของเขาจะมิได้เปรี้ยงเหมือนเก่าก่อนจะว่าไปหนังก็เขียนบทมาให้ชาอินพโยในระยะเวลาตอนนี้จำเป็นต้องประจันหน้ากับจุดต่ำสุดของอาชีพการทำงาน หากแม้เขาจะยังคงยึดมั่นวิถีปฏิบัติสำหรับในการดำเนินการกองถ่ายว่าจำเป็นจะต้องเอาจริงเอาจัง รักษาติดอยู่แรกเตอร์ที่เป็นตัวเอง

จำเป็นต้องดูดีรวมทั้งเนียบทั้งภายนอกรวมทั้งภายใน แต่ดูเหมือนกับว่างานถ่ายแบบเสื้อผ้าปัจจุบันที่อยากความเที่ยงธรรมชาติๆดูสบายๆเขากลับเสนอภาพความสบายที่มิได้ตอบโจทย์กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ กระทั่งผู้กำกับเกิดลักษณะของการปวดกะบาล เพราะว่าผู้แสดงไม่สามารถที่จะเสนอภาพที่ต้องการออกมาได้จะว่าไปชาอินพโย (ในหนังเรื่องนี้)

คือภาพสะท้อนของคนสมัย Baby Boommer ที่แจ่มแจ้งที่สุด ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์ ไม่มีโฆษณา เอกลักษณ์ของคนยุคนี้จะเป็นผู้ที่จริงจัง ทุ่มเทชีวิตกับการทำงาน ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบ พ่วงกับชื่อเสียงที่ประจำตัวเขามายิ่ขี้ตระหนี่ลายเป็นผู้ที่เรื่องมากรวมทั้งมองน่าเบื่อหน่ายในสายตาของคนร่วมงานยุคปัจจุบัน โชคยังดีที่เขายังมี อารัมเป็นผู้จัดการประจำตัวที่อยู่กับเขามาตั้งแต่ไหนแม้กระนั้นไร

เป็นทั้งหมดทุกอย่างจนกระทั่งคอสตูม คนจัดคิว ยันคนขับรถส่วนตัว! ที่ไม่ทราบว่าเขาทนอยู่หรืออยู่ทนกันแน่จนกระทั่งวันหนึ่งภายหลังที่ชาอินพโยตัดสินดวงใจไปเดินเที่ยวและก็ตัวเปื้อนโคลน เขาก็เลยแอบๆเข้าไปอาบน้ำในโรงยิมแห่งหนึ่ง โดยที่เขาไม่รู้ว่าอาคารแห่งนี้ไม่สมบูรณ์และก็พร้อมกระหน่ำลงมาทุกเวลา

และจากนั้นก็ไม่วายอาคารดังที่กล่าวถึงแล้วก็กำเนิดถล่มลงมาจริงๆทำให้ชาอินพโยติดอยู่ใต้ซากอาคาร แต่ว่าแทนที่ว่าเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงกล้วยๆด้วยการเรียกหน่วยกู้ภัยมาช่วย แม้กระนั้นด้วยสภาพที่เขาแก้ผ้าเปลือยกายอาบน้ำทำให้เขาห่วงภาพลักษณ์มากยิ่งกว่าชีวิต เรื่องราวจึงเริ่มแย่ลงกว่าเดิมรวมทั้งสลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆเอาเข้าจริงคนดูจะบันเทิงใจไปกับ

What Happened To Mr. Cha? ได้ถ้าเกิดคุณมองว่าเหตุการณ์ในหนังเกิดเรื่องตลกขบขัน แม้กระนั้นมองในอีกมุมหนึ่งตัวละครของชาอิพโยก็จัดได้ว่างี่เง่ารวมทั้งน่าเบื่อหน่ายในเชิงระบบแนวทางคิดเอามากๆดังนั้นถ้าคุณจูนกับนักแสดงนี้ติดตั้งเดิมทีก็ไม่ใช่ปัญหา แม้กระนั้นถ้าเกิดผ่านมาสักพักแล้วรู้สึกเพราะเหตุใดเราจำเป็นต้องเสียเวลาดู คุณก็จะปิดหนังเรื่องนี้ทันที!

กลับสู่หน้าหลัก https://im-imcgrupo.com/

By ufabet