ถ้าหากจะกล่าวโดยสรุปแล้วนั้น Emancipation ก็เป็นหนังดราม่าเนื้อหาเกี่ยวกับบริวารในตอนยุคสงครามกลางเมืองของอเมริกา ที่ไม่ได้มีเนื้อหาที่แปลกใหม่อะไรสักเท่าไหร่ หนังค่อนจะซ้ำไปซ้ำมาอยู่มาก ทำนองสำหรับการเล่าก็ไม่มีอะไรใหม่ ยังสูตรสำเร็จหนังขี้ครอกที่แลเห็นเคยมาแล้วก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามาแต่งขึ้นมาใหม่ เป็นหนัง 2 ชั่วโมงที่อัดแน่นด้วยเนื้อหาที่การเอาตัวรอดที่แสนปวด ที่แน่นอนว่าได้เรื่องแสดงระดับมีออาชีพของ วิล สมิธ มาช่วยประคับประคองเอาไว้ทั้งยังเรื่อง

ที่เกิดแนวคิดดังที่กล่าวมาแล้วขึ้นมา ก่อนจะนำไปปรึกษาหารือ “รับประทาน จ๊กม๊ก” ที่ร่วมแสดงรวมทั้งปฏิบัติภารกิจอำนวยการสร้างหนังประเด็นนี้ให้กับ ภายใต้งานสร้างของบั้งไฟ ฟิล์ม แต่ความจริงแล้ว ถึงแม้แจ็คลงพื้นที่มากองถ่ายในฐานะผู้กำกับแค่เพียง 2 คิวเพียงเท่านั้น ถึงแม้ก็ได้เครดิตเป็นผู้กำกับอยู่นะนี่อาจจะยังไม่ใช่ผลงานที่มีคุณค่าแก่การเขียนจำของ วิล สมิธ สักเท่าไหร่

เนื่องจากหนังยังวนเวียนอยู่ในเซฟโซนเยอะแยะไปสักนิดสักหน่อย วิธ๊เล่าก็เพลย์เซฟไปสักนิดสักหน่อย ถึงเรื่องราวต่างๆที่หนังถือเอามาพรีเซ็นท์นั้นจะค่อนข้างจะมีอานาจในตัวเองเป็นอย่างดี แต่ว่าแปลงเป็นว่าน่าเสียดายที่ไม่สามารถที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ๆของตนขึ้นมาได้ ยังหาเสน่ห์ไม่เจอ ไม่มีอะไรน่าจำสักเท่าไหร่ ไม่ถึงกับเป็นหนังที่น่าผิดหวัง แต่เพราะวาบางครั้งก็บางครั้งอาจจะหวังมากเกินไปสักนิดสักหน่อย ว่าหนังจะอิมแพคได้มากกว่านี้

Something from Tiffany’s แหวนสื่อรักวุ่น เกิดเหตุราวความระทึกใจและบรรยากาศชวนแปลกในตอนเทศกาลปลายปีในมหานครนิวยอร์กที่สว่างไสวด้วยแสงสว่างแต่งแต้มที่ไม่เคยดับมืดลง และกล่องพิเศษเล็กๆจากร้านทิฟฟานี่ก็สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของคนคนหนึ่ง หรืออีกคนโดยส่วนใหญ่ ราว เรเชล กับ แกล้น ที่แฮปปี้กับชีวิตรัก แต่ว่ายังไม่พร้อมที่จะก้าวไปสู่อีกสเต็ปที่ยิ่งใหญ่กว่า

เหมือนกันกับ อีธาน กับ วาเนสซ่า คู่สามีภรรยาคู่หวานที่กำลังจะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นทางการมากขึ้น หากแม้ชะตาชีวิตของคนทั้ง 2 คู่ได้มาบรรจบกัน จากเรื่องที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความเปลี่ยนที่เกิดคาด ที่นำพาพวกเขาไปสู่การสำรวจทางใหม่ๆที่พวกเขาไม่คิดว่าจะยังมีอยู่อีก ด้วยเหตุว่าความรักก็เช่นเดียวกันกับการสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับชีวิต ที่เต็มไปด้วยเรื่องน่ามหัศจรรย์เสมอ

แดง พระโขนง เกิดเหตุเล่าภายหลังที่ผีนางนาคที่ทุ่งพระโขนง โดนสมเด็จโตปราบรวมทั้งได้นำอัฐฑิของนางนาคไปบำเพ็ญบากบั่นกับพระจำนวนมาก ทำให้ทุ่งพระโขนงก็เลยกลับมามีความสงบสุขอีกครั้ง รวมทั้ง 10 ปีต่อมาได้มีผีเด็กรบกวนรังควานคนในทุ่งพระโขนงอีกครั้ง ประชากรหวาดสะดุ้งว่าเป็นฝีมือของ ไอ้แดง ลูกของนางนาคที่สมเด็จโตไม่ได้นำร่างไปบำเพ็ญมานะด้วย ทำให้เกิดอาการชาวบ้านทุ่งพระโขนงหวาดสะดุ้งแล้วก็หาทางที่จะทำให้หมู่บ้านกลับมาสงบให้ได้อีกครั้งนั้น

แม้หน้าที่จะมีไม่เยอะมากแต่ถ้าหากจะให้เด่นเลยนั้นคงจะเป็นศิลปินตัวน้อยอย่างน้องเอ็มเจ ซูเปอร์เท็น ที่หลายๆฉากที่มีน้องเอ็มเจ ซูเปอร์เท็นจัดว่าเป็นตัวละครแย่งซีนชั้นยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับหลวงพ่อที่ออกมาเรียกเสียงหัวเราะได้ทุกฉาก! แล้วก็อีกดาราหนังที่สร้างความน่ารักน่าเอ็นดูแจ่มใส บางฉากถึงกับเรียกน้ำตา กับหน้าที่ของมาชิดา สุทธิกุลพานิช ที่แสดงบทบาทเป็น มะลิ เพราะเหตุว่าน้องสามารถแสดงออกมาได้อย่างพอดิบพอดีอย่างยิ่งจริงๆกับหน้าที่ที่ได้รับ สื่อทั้งอารมณ์ความรักที่มีต่อเพื่อนพ้อง

แน่นอนว่าอย่างที่เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า Something from Tiffany’s มาพร้อมกับพล็อตสำเร็จรูปแบบที่หาอะไรใหม่ไม่ค่อยจะได้เลย หนังดัดแปลงแก้ไขมาจากนิยายขายดีของ “เมลิสซา ฮิลล์” มาให้มือของผู้กำกับผู้ชาย “ดาริล ไวน์” ที่มีประสบการณ์ช่ำชองสำหรับเพื่อการประดิษฐ์หนังรักสไตล์นี้มาหลายเรื่อง แน่นอนว่าเขารู้จังหวะรวมทั้งโทนของหนังเป็นอย่างดี เพราะนี่เป็นหนังรักกลางตอนเทศกาล ที่ดูผิวเผินก็ให้ความรู้ความเข้าใจสึกเหมือนกับหนังรักเฉิ่มๆจากช่องฮอลล์มาร์ค ผสมกับหนังรักอินดี้ที่มีลูกเล่นส่วนตัว

Something from Tiffany’s เปิดเรื่องมาได้เหมือนจะน่าสนใจ การปูทางและวางพล็อตต่างๆดูมีลูกเล่นสูตรสำเร็จที่น่าจะเข้าใจได้ ก็แค่ระหว่างทางของหนังนั้นยังไม่ค่อยข้างมีจุดพีคและจุดไคล์แมกซ์ในตัวเองที่น่านึกออกสักเท่าไหร่นัก พล็อตที่วางไว้ค่อนจะบันเทิงใจ แต่ร้อยเรียงเล่าของหนังนั้นยังไปได้ไม่ค่อยในที่สุดสักเท่าไหร่นัก กลายเป็นหนังรักที่ใช้ลูกเล่นการปีนระดับความเกี่ยวข้องที่เกิดจากสถานะการณ์ที่ผิดพลาดก็แค่นั้น

นี่เป็นภาพยนตร์ตลกสไตล์ไทยประจำถิ่น หนังใหม่hd ที่เหล่าคอหนังแนวนี้คุ้นชินกันดี กับลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์แน่ชัดจาก “เมืองหลวงฟิลม์” รวมทั้งถือได้ว่าเป็นการทิ้งท้ายกับหนังไทยมาราธอนเซ็ตนี้ แถมยังเห็นผลงานการแสดงชิ้นตอนท้ายของดาวตลก 2 ตัวพ่อที่ตายไปแล้วอย่าง “น้าค่อม ชักชวนชื่น” และก็ “โรเบิร์ต สายควัน” ให้แฟนๆตลกโปกฮาได้รู้สึกคิดถึงด้วยนั่นเอง

รีวิวหนัง “Avatar: The Way of Water”

รวมทั้งแล้วก็มาถึงคิวของหนังที่มีแฟนๆรวมถึงคอหนังคงตั้งหน้าตั้งตารอกันอีกเรื่องหนึ่งในปีนี้ การกลับมาสืบต่อการเดินทางของจักรวาลแพนดอร่าอีกครั้ง กับปรมาจารย์นักสร้างหนังชั้นเอกกลับมาเอง สร้างสร้างออกมาเป็นภาคต่ออันแสนเลอค่า “Avatar: The Way of Water – อวตาร: วิถีที่สายน้ำ” งานระดับบ็อกซ์บัสเตอร์ลึกล้ำที่กลับมาอยู่ในมือของคนที่คู่ควร ดังนั้นนี่ก็เลยกลายเป็นที่คุ้มกับการคอยมา 13 ปีจริงๆ

ตั้งแต่แมื่อปี 2009 ได้กำเนิดหนังเรื่องนึงที่มากไปด้วย CG อลังกาลงานสร้าง ผลงานการดูแลของ James Cameron ที่พาเราไปรู้จักโลกสุดพิศดารในชื่อ Pandora จนถึงแปลงมาเป็นหนังที่ทำรายได้มากที่สุดในโลก เวลานี้ผ่านมา 13 ปี ภาคต่อในชื่อ Avatar: The Way of Water ก็ได้คลอดออกมาให้เราได้ยลโฉมกัน ที่สำคัญมันถูกคิดแผนสร้างเอาไว้ถึงภาค 5 อย่างยิ่งจริงๆแถมยังมีข่าวว่าจะได้เห็นเกษตรกรวีไปเยี่ยมโลกอีกต่างหาก

Avatar: The Way of Water เล่าราวต่อจากภาคแรก โดยมีความหมายต้องมองดูภาคแรกมาก่อนมากๆถึงจะเข้าหัวใจเรื่องราวหลายๆอย่าง ในตอนแรกนึกไม่ออกอย่างเดียวกันว่าตัวหนังภาคต่อนี้จะเล่าออกมาทางไหน แม้กระนั้นพอได้ดูแล้วถือเป็นการเลือกเดินเส้นทางที่เหมาะสมควรแล้วล่ะ ซึ่งในภาคนี้ Jake แล้วก็ Neytiri ก็ได้สร้างครอบครัวมีลูกด้วยกัน ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขบนดาว Pandora แม้กระนั้นความสบายนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อการรุกรานจากคนบนฟ้ากลับมาอีกครั้ง

ผู้ชมหนังปกติมองดูเพลิดเพลินใจๆได้ พาครอบครัวไปดูได้ เด็กมองดูได้ แม้กระนั้นอาจมีบ้างฉากที่มองดูน่าขนลุกนิดๆและการใช้คำบอกเล่าที่ต้องระวัง จุดที่เด่นเป็นงานภาพรวมโปรดักชั่น งานภาพ งานซีจี งานโปรดักชั่นวางแบบมองออกมาดีเลย เห็นความตั้งใจสำหรับเพื่อการสร้างภาพยนตร์ แต่ในส่วนซาวน์จัดว่าค่อนจะใหญ่และก็เสียงดังเกินจำเป็นในหลายๆฉาก ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะวางโครงเรื่องอย่างกับจะเป็นหนังที่เด็กมองดูได้คนวัยแก่ดูเพลิดเพลินใจ

หากแม้เนื้อหาในบางส่วนของหนังที่อาจมองไม่มีอะไรนั้นยังเต็มไปด้วยมุกหยาบคายไปบ้าง ที่บางครั้งบางคราวก็แอบรู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยที่ผู้ดูแลจะพาลูกหลานมาดูหนังประเด็นนี้ โดยเฉพาะมุกคำพูดที่ไม่สุภาพจัญไรต่างๆที่สามารถเลี่ยงได้แต่หนังกลับใส่เข้ามาอย่างไม่อ้อมค้อม คำพูดที่ไม่สุภาพกลายเป็นคำที่ฟังทีไรจะต้องสะดุ้ง ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเด็กๆเป็นผู้แสดงนำฝ่าย

แล้วทั้งสองคนนั้นจะมาสิ้นสุดกันได้เช่นไรนะ ดั้งนั้นต้อไปติดตามกันในหนัง รวมทั้งถ้าเกิดใครังลังเลก็สามารถอ่านรีวิวของเราที่เอามาให้กับทุกคนได้ก่อนไปดูหนังใหม่ มาสเตอร์ หนัง hd ตอนนี้ หนัง ออนไลน์ ตอนนี้ พร้อมๆกับประมวลภาพและเรื่องราวที่เป็นตัวเฉลยคำตอบความลับ ความจำ ภูมิหลังของแต่ละฉากให้เราได้ร้องอ๋อแล้วก็หุบยิ้มไม่ลงกันไปอีก คนใดกันแน่ที่พร้อมฟินไปกับดาราหนังทุกคนในประเด็นนี้สามารถเข้าชมที่เว็บดูหนังผ่านเน็ตของเรา

ในภาคแรกเราได้ตื่นเต้น ตะลึงงัน กับการที่หนังพาไปยลโฉมพื้นที่ป่าของ Pandora ตกตะลึงกับฟ้า แนวเขา ต้นไม้ ในภาคนี้หนังก็ยังพาเราไปอัศจรรย์ใจอีกครั้งในโลกที่สมุทร มอบประสบการณ์สำหรับเพื่อการดูหนังอันดีงามให้เราอีกครั้ง เราจะได้เห็นโลกใต้น้ำและแผ่นน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลที่สวยตระกาลตาไม่แพ้กันมีสัตว์ผิดตาใหม่ๆมาให้เชยชมมากกว่าที่เห็นในตัวอย่างเสียอีก

เป็นมุ่งมาดเอาไว้ในระดับนึงแล้วอะ แต่พอได้ดูนี่มันเกินความคาดหวังไปอีก ให้ความรู้ความเข้าใจสึกเหมือนเด็กๆที่เคยสัมผัสอะไรที่ไม่เคยเจอแล้วแฮปปี้อะ รังสรรค์โลก Pandora ออกมาได้สวยจริงๆเจากที่เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของ James Cameron ที่เคยพูดว่าตัวเองเป็นคนเผลอไผลโลกใต้มหาสมุทรมาก พอเพียงมาประเด็นนี้รู้เลยว่าจริง! เพราะเหตุว่ากว่า 90%

ของเรื่องเราจะได้อยู่ในน้ำ สัมผัสน้ำกันทั้งปวง รู้กันอยู่แล้วว่า CG เป็นจุดเด่นของ Avatar แล้วก็ในภาคนี้งานภาพโคตรสวยไม่มีที่ติเตียนจริงๆเป็นการได้เสพงานภาพในหัวข้อนี้จัดว่าคุ้มมากมายก่ายกองๆโชคร้ายมากที่ไม่ได้ไปดู IMAX เนื่องจากคนมันจำนวนมาก เลยได้ดูในโรงธรรมดาเท่านั้น แม้คนใดกันแน่ได้ช่องอยากชี้แนะให้มองดู IMAX จริงๆย้ำอีกรอบว่างาฟ้าพไม่มีอะไรให้ต่อว่าเลย แน่ใจว่าในภาคต่อๆไปเราจะได้เห็นในอีกหลายมุมมองความสวยสดงดงามของดาว Pandora แน่นอน

หากแม้หนังจะไม่ได้ยาวอะไร ไม่ถึงชั่วโมงครึ่งด้วย กลับให้ความรู้ความเข้าใจสึกว่าหนังยาวอย่างยิ่ง แม้กระนั้นผ่านไปครึ่งชั่วโมงแรกก็รู้สึกเป็นเวลานานมากแล้วจริงๆเนื่องมาจากระดับกราฟความรู้สึกที่มีต่อหนังเรื่องนี้ค่อนจะเหมือนเดิมไปสักนิดสักหน่อย และการแสดงของกรุ๊ปแคสติ้งก็ไม่ได้เสื่อมโทรมอะไร ไม่ว่าจะเป็น “โซอี้ ดุตซ์” แล้วก็ “เคนดริก แซมป์สัน” จะเข้าขากันด้วยดี เคมีของทั้งคู่ค่อนข้างจะลงด้วย เพียงแต่ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ยังทำให้ไม่รู้จักอินตาม เวลาที่บทของโซอี้ก็ค่อนข้างจะเสมอๆเดิมๆกับหนังหลายเรื่องที่ผ่านมาของคุณเองด้วย

รีวิว A HUNDRED FLOWERS

ให้รักพาแม่กลับมา บอกเล่าเรื่องราวความเชื่อมโยงระหว่างลูกชายรวมทั้งแม่ที่แก่ขึ้น แม่เป็นโรคจำอะไรไม่ค่อยได้รวมทั้งเบาๆสูญเสียความรู้ความเข้าใจในการจำไป ส่วนลูกชายก็กำลังเบาๆจำอะไรหลายสิ่งหลายอย่างระหว่างตัวเขาและจากนั้นก็แม่ได้มากขึ้น จะต้องบอกเลยว่าจังหวะหนังนิ่งเยอะแยะ นิ่งแบบนิ่งสุดๆมันแทบจะไม่มีเสียงดนตรีประกอบเลยอีกทั้งเรื่อง เป็นมีเพียงแต่บางฉากแบบน้อยมากจริงๆ

ถ้าหากจะให้รีวิว “แดง พระโขนง” จากเค้าโครงเรื่อง ฉากต่างๆถูกรังสฤษฏ์รวมทั้งจัดวางมาอย่างพอดิบพอดี เป็นเค้าเรื่องที่คาดคะเนไม่ค่อยได้ ทำให้ผู้ดูจำเป็นต้องรอลุ้นไปในแต่ละฉากว่าสถานะการณ์ด้านหน้าจะเป็นเยี่ยงไร และก็มีเสน่ห์ในมุมที่เต็มไปด้วยคำพูดตลก แต่ว่าก็ซ่อนเร้นความรู้สึกที่ผู้แสดงสื่อออกมาทั้งยังดราม่า ความเดียวดาย รวมทั้งสัจจะธรรมของชีวิต รับดูภาพยนตร์

ทางด้านเรื่องราว ก็จำต้องว่ากันตามจริงว่ามันมิได้มีอะไรแปลกใหม่ เรื่องราวมิได้สลับซับซ้อนเชิญชวนให้คิดโน่นคิดนี่ เข้าขั้นปกติก็ว่าได้ หลักสำคัญบางเรื่องยังไม่หนักแน่นเพียงพอ ความหนักของเรื่องสู้ภาคแรกมิได้ หรือบางครั้งก็อาจจะเนื่องจากเก็บไว้ภาคถัดไป แล้วก็เนื่องจากว่าผู้แสดงมากขึ้นเรื่อยๆด้วย ก็เลยจำต้องแบ่งมาเกลี่ยบท หนังมันก็เลยเสมือนเลือกจะจุดโฟกัสที่การพัฒนานักแสดงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย มันก็เลยหยอดเงื่อนให้ทุกนักแสดงเลย เวลาเล่าก็จำต้องบาลานซ์ระหว่างการพัฒนานักแสดง

ส่วนมากจะเป็นเสียงเฉยๆให้เราซึมซับการแสดงของดาราเท่านั้น อีกทั้งการดำเนินเรื่องมันยังเรื่อยๆ เอื่อยเฉื่อย ค่อยเป็นค่อยไป มันจะเป็นแบบนี้อีกทั้งเรื่องเลย จนถึงทำให้เชิญง่วงแทบจะหลับแน่ะ หนังยังมีข้อความสำคัญเรื่องความลับบางอย่างของแม่ที่ลูกพึ่งเคยจะรู้ แม้กระนั้นเอาเข้าจริงๆมันก็ไม่ได้ขยี้ให้เรามีอารมณ์ร่วมกับจุดนี้มากมายก่ายกองแค่สักแค่ไหน รวมถึงบางประเด็นที่ยังไม่รู้เรื่องว่าใส่เข้ามาเพราะอะไรก็มีอยู่เหมือนกัน

ตกลงว่าโดยสรุปแล้วนั้น Something from Tiffany’s ก็เป็นหนังรักสูตรสำเร็จที่เอาตรงๆก็ทำเป็นเพียงเปิดดูเพลินๆไปแบบไม่ได้มีอะไรให้น่าจำสักเท่าไหร่นัก พล็อตค่อยข้างเชย การเล่าเรื่องก็ยังทำออกได้ไม่ค่อยดึงดูดใจเจริญเท่าไรนัก ถึงแม้หนังจะสั้นแต่ว่าให้ความรู้ความเข้าใจสึกที่ยาวแบบแปลกๆเป็นหนังรักที่เหมาะสมกับตอนเทศกาลท้ายปี แม้กระนั้นก็ยังไม่ใช่หนังที่คนใดกันจะเลือกมาเสนอแนะสักเท่าไหร่

เหตุเพราะหนังยังขาดเสน่ห์ในแบบที่ควรจะมีในหนังลักษณะนี้ไปอยู่แม้ว่าโชคร้ายที่สุดข้างหลังแล้วหนังกลับวนลูปอยู่กับมุกขำแบบเดิมๆและก็ถูกเล่าเป็นแพทเทิร์นซ้ำๆซากๆตั้งแต่ต้นจนถึงจบ รวมทั้งเซ็ตติ้งของหนัง ก็ยากที่จะทำให้ผู้ชมเชื่อสำหรับในการปฏิบัติแล้วก็กาารตกลงปลงใจของดาราหนัง และการลำดับเรื่องราวในบางช่วงก็ชักชวนให้งงเต็กอยู่ไม่น้อย

By ufabet