ปีเตอร์ แรบบิท 2 เดอะ รันอะเวย์

ปีเตอร์ แรบบิท 2 เดอะ รันอะเวย์

ปีเตอร์ แรบบิท 2 เดอะ รันอะเวย์ เรื่องราวของภาพยนตร์ผจญภัย ตลกขบขัน คอมเมดี้ Peter Rabbit 2: The Runaway เล่าราวต่อจากภาคแรกของกระต่ายน้อยแสนซนที่กลับมาสร้างความ ปั่นป่วนอีกครั้ง โดยในภาคนี้จะเกิดเรื่องราวระหว่างโทมัสและบี ที่กำลังเริ่มจะมีแผนไปฮันนีมูนแม้กระนั้นกระต่าย ปีเตอร์ก็ได้ ปีเตอร์ แรบ บิท 2 เดอะ รันอะเวย์ เขาอ้างถึงว่าเป็นพ่อกับปีเตอร์ ทำให้ต่อจากนั้นจึงกลายเป็นการผจญภัยในโลกกว้างของปีเตอร์ แรบบิท 2…รับชมได้ใน ดูหนังใหม่ชนโรง 2021 ดูหนังชัดฟรี 4K Full Movie ไม่มีโฆษณาคั่น

รีวิว Code 8 – ล่าคนโคตรพลัง

Code 8 เป็นหนังที่ต่อยอดมาจากหนังสั้นในชื่อเดียวกัน ที่ได้รับการระดมทุนสูงที่สุดตั้งแต่เคยมีมาอย่างยิ่งจริงๆ ตัวหนังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกที่มีผู้มีพลังวิเศษ แต่ว่าเป็นเพียงแต่สามัญชนกลุ่มน้อยเท่านั้น กลับถูกสังคมข่มขี่ แม้กระนั้นแล้วทุกสิ่งก็แปรไป เมื่อผู้มีพลังบางคนกลับต้องการใช้พลังก่อคดีจำต้องกล่าวว่าเคยได้ดูหนังสั้นของหัวข้อนี้มาก่อน

และว้าวมาก เป็นอะไรที่น่าสนใจมากมายๆด้วยตัวหนังความยาวราวๆ 10 นาที แต่ทำออกมาได้ดิบได้ดีเกินคาด ไม่น่าสนเท่ห์ใจว่าเพราะเหตุไรมันถึงได้ระดมทุนสูงจนสร้างเป็นหนังใหญ่ หนังมีการใช้พล็อตเรื่องสำคัญๆจากหนังสั้นมาขยายความ เสริมเติมแต่งออกมาให้มันยาวขึ้น เอาจริงเอาจังๆค่อนข้างจะผิดหวังเลยทีเดียว

ด้วยเหตุว่าฉบับหนังสั้นทำออกมาก้าวหน้ามาก ปูเรื่องได้น่าดึงดูด มีโลกที่ถูกเซ็ตเอาไว้ ให้ผู้มีพลังเปลี่ยนเป็นเสมือนชนชั้นที่ต่ำต้อย โดยเหยียด โดนกดขี่จากสังคม แต่พอเป็นหนังยาวปั๊บ มันกลับน่าเบื่อซะแบบนั้น เป็นถ้าหากคนไหนกันได้ดูหนังสั้นมาเนี่ยจะกำเนิดปริศนาเลยว่าเห้ย ดารานำชายมันเป็นคนไหนกันแน่มาจากไหน

มันต้องเก่งมากแน่ๆพลังระดับนั้น ยิ่งตอนระเบิดพลังนี่บางทีอาจจะมิได้ดีเลิศแม้กระนั้นมองอลังกาลกว่าพลังของพระเอกในหนังยาวทั้งหมด ในหนังยาวดารานำชายดูพิการมากมาย มองไม่ควรค่าแก่ความพิเศษเลยจริงๆการใช้พลังแต่ละฉากคือแบบ “เพียงแค่เนี้ยนะ?” คือปูมาราวกับเทพ แต่ว่าพอเพียงเอาเข้าจริงก็นะ…เท่านั้นยังไม่พอ

ในขณะที่เรื่องราวดำเนินไป มีปริศนาเกิดขึ้นมากมายหลายจุดมากมาย ทั้งยังเบื้องหน้าเบื้อหลังเบื้องหน้าเบื้องหลังนักแสดง หรือเหตุผลต่างๆที่มันเกิดขึ้น บทมีช่องโหว่มากแต่ชอบที่หนังยังคงยึดประเด็นเหล่าคนมีพลังที่โดนสังคมบังคับเอาไว้ แต่เสมือนยิ่งเล่ายิ่งลืมประเด็นนี้ไป มีการมาตบๆหน่อยในส่วนท้ายแค่นั้น

หนังใช้นักแสดงหลักจากตัวหนังสั้นเลย ทั้ง Robbie Amell หรือ Sung Kang แต่เสริมเติมมาด้วย Stephen Amell แล้วก็นักแสดงสมทบคนอื่นซึ่้งเอาเข้าจริงๆไม่มีตัวละครตัวไหนน่าจำเลยสักนิดในหนังประเด็นนี้ ยิ่งพวกตัวประกอบไม่ต้องกล่าวถึงเลย จริงๆต้องพูดว่าทั้งยังเรื่องก็มิได้มีฉากหรือมีอะไรให้น่าจำจริงๆสรุปแล้ว Code 8

เป็นหนังต่อยอดไอเดียจากหนังสั้นที่สอบตก มันไม่สนุกส่วนตัวสำหรับเรา แถมยังต่อยอดออกมาได้ไม่เวิร์คอีกต่างหาก คือตัวหนังมันไม่สุดสักทางเลยจริงๆแต่ว่าแต่กระนั้น CG ก็จัดว่าทำออกมาก้าวหน้าเลยแหละ เนียนเลย นอกเหนือจากนั้นก็…นะ

รีวิวหนัง(ดูฟรี) Assassination Classroom Part 1 ห้องเรียนลอบฆ่า ที่มาพร้อมความเกรียนไม่ซ้ำใคร

Assassination Classroom Part 1 แผนฆ่ามะนาวต่างดุ๊ด ภาค 1 ภาพยนตร์ Live Action ดัดแปลงแก้ไขจากอนิเมะเรื่อง Assassination Classroom หรืออีกชื่อคือ Ansatsu Kyoushitsu การ์ตูนเรื่องดังของประเทศญี่ปุ่น ผลงานการกำกับโดย อิชิโร่ ฮาสุมิ โดยมี ยามาดะ เรียวสุเกะ นักร้องดังที่วง Hey! Say! JUMP

แสดงนำ ร่วมด้วย สุดะ มาซากิ, ยามาโมตะ ไมกะ, ทาเคโดมิ ไซกะ, ยูกิ ไม่โอะ, อูเอฮาร่า ไม่กุ รับบทเป็นนักเรียนห้อง 3-E รวมทั้ง ซิอินะ คิปเปะอิ สวมบท คาราสึมะเซนเซย์ผู้คอยช่วยทำให้เด็กนักเรียนบรรลุแผนลอบฆ่า Assassination Classroom Part 1 เกิดเรื่องราวที่โลกถูกคุกคามด้วยสิ่งมีชีวิตที่มีพลังทำลายพระจันทร์ได้ 70%

ทำให้ดวงจันทร์มีรูปร่างเสี้ยวตลอดกาล สิ่งมีชีวิตนั้นได้อ้างถึงว่าข้างใน 1 ปี โลกก็จะถูกทำลายโดยตัวเขาเอง แต่เขาให้โอกาสมนุษย์เลี่ยงโชคชะตานี้ โดยต้องหาทางลอบสังหารตัวเขาให้ได้ข้างใน 1 ปี แม้กระนั้นรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นก็ไม่อาจจะกำจัดเขาได้ และเขาได้เสนอตัวมาเป็นอาจารย์ในโรงเรียนม.ต้นคุนุกิงาโอกะ

เขาได้เริ่มดำเนินการเป็นอาจารย์ประจำชั้น มัธยม3 ห้อง E ที่ไม่เพียงแค่สอนวิชาทั่วไป ปีเตอร์ แรบบิท 2 เดอะ รันอะเวย์ แต่มีสอนวิชาการลอบสังหารด้วยโดยรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นได้มีรางวัลเป็นเงิน 1 หมึ่นล้านเยน (ราวๆ 3 พันล้านบาท) ให้สำหรับผู้เรียนคนที่สามารถฆ่าคุณครูได้ โดยพวกเขาได้ตั้งชี่ออาจารย์ว่า “วัวโระเซนเซย์” เป็นอาจารย์ที่ฆ่าไม่ตาย

แต่ว่าการฆ่าคุณครูเป็นเรื่องที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุว่าเขามีพลังพิเศษล้นหลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลี่อนที่ด้วยความเร็ว 20 มัค แต่ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเด็กนักเรียนกลับรู้สึกผูกพันและก็เห็นว่าเขาเป็นครูที่เหมาะสมที่สุดที่เคยมีมาสำหรับ Assassination Classroom Part 1 ในเวอร์ชันภาพยนตร์ Live Action

เรื่องราวจะปรับเปลี่ยนและดึงนิดหน่อยในเวอร์ชันอนิเมะ ซีซันที่ 1 ด้วยเค้าโครงเรื่องที่แปลกไม่เหมือนใคร บวกกับความสนุกสนานเฮฮาและบ้าบอสุดขั้วในทุกตอน แต่สอดแทรกแง่คิดไว้ได้ดี ทำให้ Ansatsu Kyoushitsu หรือ Assassination Classroom เป็นที่พึงพอใจรวมทั้งโด่งดังมากมายในประเทศญี่ปุ่นสำหรับในการเล่าเรื่องในภาคคนแสดง

จะมีความกระชับ เดินเรื่องเร็ว ไม่กินเวลา ถ้าหากคนใดที่ยังไม่เคยมองแบบอนิเมะ หรืออ่านมังงะมาก่อน ก็สามารถมองแบบภาพยนตร์ได้อย่างรู้เรื่อง ความเพลิดเพลินของเรื่องอยู่ที่การลุ้นว่าเหล่านักเรียนแต่ละคน จะงัดแนวทางไหนมาลอบสังหารอาจารย์บ้าง ซึ่งผู้แสดงในเรื่องจะค่อนข้างจะมากมายตามแบบต้นฉบับ

แต่ว่าทุกนักแสดงมีคาแรคเตอร์ที่แน่ชัดเพียงพอเป็น Live Action แล้ว จะไม่พูดถึงการแคสตัวละครก็อาจจะไม่ได้ ความรู้สึกส่วนตัวมองว่าส่วนใหญ่เลือกคนแสดงมาดีมากๆอาจมีที่ขัดใจบ้างด้วยภาพติดตาจากอนิเมะ แต่ยังไงแล้ว ดาราหนังก็คือเล่นได้ดิบได้ดีมาก ความรู้สึกมิได้เปลี่ยนไปจากตัวละครเดิมในเมะมากแค่ไหน

คนใดกันแน่ที่ถูกใจเรื่องนี้อยู่แล้ว ยืนยันว่าจำต้องชอบในภาคคนแสดงด้วยแน่ๆ ยิ่งถ้าหากเป็นแฟนตัวยงที่สัมผัสมาแล้วทั้งยังมังงะแล้วก็อนิเมะ ยิ่งต้องตามเก็บเวอร์ชันนี้ด้วยเลยโดยรวม Assassination Classroom Part 1 เวอร์ชันภาพยนตร์ Live Action ความยาว 1 ชั่วโมง 45 นาที ที่ยกเรื่องราวสุดเกรียนจากซีซัน 1

ฉบับอนิเมะมาเล่าแบบกระชับ CG อยู่ในระดับที่ถือว่าไม่ดี รับประกันว่าถูกอกถูกใจแฟนคลับแน่ๆ แม้กระนั้นหากยังไม่เคยดูเรื่องนี้มาก่อน ก็ขอชี้แนะเลย ด้วยเหตุว่าด้วยโครงเรื่องที่แปลกไม่เหมือนใคร เมื่อชั้นเรียนจะต้องเปลี่ยนเป็นชั่วโมงลอบสังหาร จะป่วนปั่นสนุกแค่ไหนจะต้องติดตาม

รีวิว Pain and Glory – แก่ฝัน ชีวิต รวมทั้งความเจ็บ

Pain and Glory หรือชื่อไทยว่า แก่ฝัน ชีวิต รวมทั้งความเจ็บ เป็นหนังที่น่าดึงดูดไม่ใช่น้อยกับการเข้าชิงรางวัลบนเวทีออสการ์ 2 สาขา กับดารานำชายดีเยี่ยมที่สุดของ Antonio Banderas และก็หนังต่างประเทศเหมาะสมที่สุดจากสเปน รวมทั้งเข้าชิงบนเวทีลูกโลกทองคำจากสาขาเดียวกัน แม้จะไม่ได้รางวัลอะไรติดไม้ติดมือไป

แต่มันก็มากพอที่จะลองไปดูความยอดเยี่ยมนี้สักนิดสักหน่อย แถมยังว่ากันว่านี่คือหนังที่ดีที่สุดของผู้กำกับ Pedro Almodóvar อย่างยิ่งจริงๆหนังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตผู้กำกับหนังคนหนึ่ง ที่ห่างหายจากวงการมาสักพัก ด้วยปัญหาต่างๆมากมาย รวมทั้งหนังก็ค่อยๆบอกเล่าเรื่องราวในสมัยก่อนตัดกับตอนนี้ที่ตัวเขาจำเป็นต้องพบเจอ

มันเป็นหนังชีวิตของคนๆนึงเนี่ยแหละ หนังมิได้ซับซ้อนหรือเข้าใจยากอะไรเลย มันราวกับว่าตัวหนังค่อยๆพาพวกเราให้เข้าไปรู้จักผู้กำกับคนนี้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง เผชิญอะไรมาบ้าง ซึ่งสำหรับเรามันก็แค่นั้นเลยอะ เราไม่อิน ไม่เคยรู้สึกถึงแรงผลักดัน แรงผลักดัน หรือแรงขับเขยื้อนอะไรของหนังเรื่องนี้เลย เรื่อยมากมาย

นี่เอาตรงๆถ้านอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอมีหลับเลยล่ะ ตลอดทั้งเรื่องพวกเราบากบั่นหาจุดที่น่าดึงดูดในหนัง แต่มันไม่มีอะไรที่จะดึงเราอยู่กับเรื่องได้จริงๆทุกๆสิ่งทุกๆอย่างเปลี่ยนเป็นน่าระอาไปเสียหมดเลย เอาเข้าจริงๆถึงแม้เรื่องราวแต่ละอย่างของตัวเอกมันมีทั้งสุข ระทด เหงาหงอย ทรมาทรกรรม ปวด

แต่หนังไม่อาจจะถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นออกมาให้เรารู้สึกแบบนั้นได้สักฉากเลยจริงๆไม่ใช่มันเล่าไม่ดีนะ มันก็เล่าดี เข้าใจง่ายล่ะที่สลับไปสลับมา แต่ว่านั่นแหละ มันรับทราบ มันเข้าใจ แต่ว่ามันไม่รู้เรื่องสึกตามเพียงเท่านั้นมาถึงการแสดงที่ได้เข้าชิงจากสองเวทีใหญ่ของ Antonio Banderes เราก็ยังไม่ว้าว

ไม่สัมผัส ไม่อินอยู่ดีนั่นแหละ ค่อนจะเฉยๆมากมาย ยิ่งถ้าเกิดเทียบกับผู้อื่นที่ได้เข้าชิงสาขาเดียวกัน พวกเราคิดว่าเฮียแกด้อยที่สุดแล้วอะสรุปแล้ว Pain and Glory – แด่ฝัน ชีวิต แล้วก็ความเจ็บปวด เป็นหนังที่บอกกล่าวทุกอย่างได้ครบล่ะ แต่ว่าพวกเราไม่อินอะไรกับมันเลย เป็นตั้งใจมองมากมายจริงๆนะ แต่ว่ามันเนือยๆเฉื่อยๆเต็มไปด้วยบทสำหรับพูด แถมส่งอารมณ์มาให้เรามิได้ มันจึงกลายเป็นน่าเบื่อไปโดยปริยาย ปล. หนังได้เรท ฉ. 20+ ในไทยนะ มีฉากการใช้ยาเสพติดหลายฉาก มีฉากเปลือยแบบโจ่งแจ้งด้วย

กลับสู่หน้าหลัก https://im-imcgrupo.com/

By ufabet