จํานอง บ้าน ธนาคาร อาคารสงเคราะห์

จํานอง บ้าน ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ การจำนำเป็นการที่บุคคลคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้จำนอง” ได้ทำนำอสังหาริมทรัพย์ของตนเอง ดังเช่นว่า ที่ดินหรือสินทรัพย์ที่กฎหมายอนุญาตให้จำนำได้ ไปจดทะเบียนไว้กับบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้รับจำนำ” เพื่อเป็นประกันสำหรับเพื่อการจ่ายและชำระหนี้ ดังนี้โดยผู้จำนองไม่ต้องส่งที่ดินหรือเงินดังที่กล่าวถึงแล้วนั้นให้แก่ผู้รับจำนำเป็นต้นว่า นาย A ได้กู้หนี้ยืมสินจากนาย B เป็นจำนวนเงินสด 1 แสนบาท โดยนาย A ได้นำที่ดินของตัวเองไปลงทะเบียนจำนองต่อพนักงานข้าราชการ เพื่อเป็นการประกันการใช้หนี้เงินกู้ยืมปริมาณ 1 แสนบาท นาย A ได้กู้ไปจากนาย B โดยนาย A ไม่ต้องมอบที่ดินของตนเองให้แก่นาย B และนาย A ยังคงมีสิทธิถือครองและใช้สอยที่ดินของตนเองได้ตามเดิม

จํานอง บ้าน ธนาคาร อาคารสงเคราะห์

ภาวการณ์เงินฝืด (Deflation) เป็นภาวะทางด้านเศรษฐกิจที่อยู่ตรงข้ามกันกับภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) พูดอีกนัยหนึ่งถ้าภาวะเงินเฟ้อเป็นระดับราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น สภาวะเงินฝืดก็คือระดับราคาสินค้าและบริการลดน้อยลง แต่ว่ากำลังซื้อของประชากรแต่ละกรุ๊ปก็ต่างกัน เนื่องจากว่าได้รับผลกระทบต่างๆนาๆ ไปทำความเข้าใจกันดีกว่าว่าเงินฝืดเป็นอย่างไร ผลกระทบและก็กรรมวิธีการปรับแต่งมีอย่างไรบ้าง

(อ่านเพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ)ภาวการณ์เงินฝืดเป็นยังไง?เงินฝืด (Deflation)หมายถึงการที่ระดับราคาสินค้ารวมทั้งบริการภายในประเทศน้อยลง ด้วยเหตุว่าค่าของเงินสูงมากขึ้น เนื่องจากจำนวนเงินในมือประชาชนมีน้อย น้อยเกินไปต่อการซื้อผลิตภัณฑ์และบริการ ทำให้อุปสงค์รวมลดน้อยลงไปด้วย ผู้สร้างก็เลยจำต้องลดการผลิต และลดราคาสินค้าให้ขายได้

เป็นภาวะที่อยู่ตรงกันข้ามกับภาวะเงินเฟ้อสิ่งที่ทำให้เกิดภาวะเงินฝืดสิ่งที่จำเป็นซื้อผลิตภัณฑ์และบริการมีน้อชูว่าความอยากได้ในการขายรัฐบาลเก็บภาษีมากจนเกินไป หรือขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมมากเกินความจำเป็น ทำให้พลเมืองมีเงินในมือลดลงเงินทุนไหลออกนอกประเทศเยอะเกินไป เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อย่างเช่นการบ้านการเมืองไม่มั่นคง

ทำให้นักลงทุนไม่กล้าเสี่ยงลงทุนในประเทศอัตราดอกเบี้ยของค่าเงินต่างถิ่นสูงขึ้นผลกระทบของเงินฝืดผู้บริโภคจะซื้อผลิตภัณฑ์รวมทั้งบริการได้ในราคาไม่แพงลงผู้สร้างอาจประสบพบปัญหาขาดทุน ด้วยเหตุว่าราคาผลิตภัณฑ์ลดน้อยลงอัตราการตกงานสูงมากขึ้น อสังหาริมทรัพย์ เนื่องด้วยการสร้างลดน้อยลง กำไรแล้วก็ยอดขายน้อยลง การว่าจ้างก็เลยลดลงตามไปด้วย

รวมถึงผู้ประกอบการมีลักษณะท่าทางลดปริมาณพนักงานหรือเลิกจ้างเพิ่มมากขึ้นพนักงานประจำในบริษัทเอกชนที่มิได้รับผลพวงจากเงินฝืด บุคลากรราชการ จะสำเร็จประโยชน์มาก เพราะว่าเงินเดือนเหมือนเดิม แต่ใช้สอยได้มากขึ้นแบงค์ เจ้าหนี้ จะได้รับผลกระทบในทางร้าย เนื่องจากว่าจะได้รับใช้หนี้ใช้สินในปริมาณเหมือนเดิม ถึงแม้ค่าเงินสูงมากขึ้นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ปัจจัยสี่ อย่างเช่น

กระเป๋าแบรนด์เนม จะขายได้ยากในสภาวะเงินฝืดการปรับแต่งแล้วก็ควบคุมเงินฝืดใช้แผนการการคลังเป็นเพิ่มปริมาณเงินในมือสามัญชนให้เยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มการรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากประชาชน ขยายวงเงินเครดิตรวมทั้งวงเงินสินเชื่อ ลดอัตราภาษีใช้แนวทางการคลังเป็น เพิ่มค่าใช้จ่ายของภาครัฐ โดยเพิ่มการลงทุน ได้แก่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อย่างรถไฟฟ้า เป็นต้น

ลดอัตราค่าดอกเบี้ยเงินกู้ภาวการณ์เงินฝืดมีจุดเด่นสำหรับผู้ที่มีเงินออม พนักงานประจำ และพนักงานเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากว่าได้รับผลกระทบน้อย แล้วก็สามารถใช้จ่ายได้มากขึ้นเมื่อเกิดเงินฝืด ระหว่างที่ผู้ประกอบกิจการ ผู้ผลิต จะได้รับผลกระทบมากมาย แม้กระนั้นไม่ว่าจะภาวะเงินฝืดหรือเงินเฟ้อ ก็ควรศึกษาวิธีกระจายความเสี่ยงทางการเงินเอาไว้ เพื่อไม่ให้กำเนิดความฝืดเคืองทางการเงินในวันข้างหน้า

สภาวะเงินเฟ้อ (Inflation)

เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก เพราะเหตุว่าดูได้ว่าราคาสินค้าและบริการหลายๆอย่างมีการปรับนิสัยขึ้นทุกปี บางครั้งบางคราวก็ขึ้นทีละน้อยๆจนเราอาจไม่รู้สึก แต่ถ้าเกิดลองเทียบราคาสินค้าเมื่อหลายปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้กับตอนนี้จะเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านราคาอย่างแจ่มแจ้ง ทำให้พวกเรามีค่าใช้จ่ายมากขึ้น โดยเหตุนี้เพื่อการรับมือกับเงินเฟ้อในอนาคต

ควรทำความรู้ความรู้เรื่องซะก่อนว่าเงินเฟ้อเป็นอย่างไรเงินเฟ้อคืออะไร?เงินเฟ้อ (Inflation)หมายถึงการที่ระดับราคาผลิตภัณฑ์แล้วก็บริการในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น และมีลัษณะทิศทางจะมากขึ้นสูงอย่างสม่ำเสมอ เพราะค่าของเงินลดลง ส่งผลให้อำนาจการซื้อสินค้าหรือบริการต่ำลง ได้แก่ เมื่อ 10 กว่าปีกลาย หนังสือการ์ตูนเล่มละ 40 บาท แต่ว่าปัจจุบันนี้หนังสือการ์ตูนเล่มละ 80 บาท เงิน 80 บาท

ในอดีตเคยซื้อหนังสือการ์ตูนได้ 2 เล่ม ระหว่างที่ตอนนี้ซื้อได้ 1 เล่ม สิ่งนี้เรียกว่าเงินเฟ้อ โดยเป็นภาวการณ์ซึ่งตรงกันข้ามกันกับภาวการณ์เงินฝืด (Deflation) ที่ราคาสินค้ารวมทั้งบริการลดน้อยลง (อ่านเพิ่มเกี่ยวกับเงินฝืด)สาเหตุของเงินเฟ้อสิ่งที่จำเป็นซื้อมากกว่าความรู้ความเข้าใจในการผลิตเป็นพลเมืองหรือคนซื้อมีเงินยี่ห้อมากมาย แต่ผลิตภัณฑ์มีการผลิตน้อย

ผลิตภัณฑ์จึงแพงแพงเพิ่มมากขึ้นทุนการผลิตสูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ค่าตอบแทนสูงมากขึ้น วัตถุดิบมีราคาสูงมากขึ้น ทำให้สินค้ามีราคาสูงมากขึ้นผลพวงของเงินเฟ้อผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์ได้ลดน้อยลงในจำนวนเงินเท่าเดิมนักลงทุน หรือผู้ที่ฝากเงินแบบหวังผลกำไรจากดอกเงินออม จะได้ผลทดแทนลดน้อยลง เพราะเหตุว่าอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม แม้เงินเฟ้อจะสูงมากขึ้นลูกหนี้จ่ายหนี้ลดลง เพราะปริมาณหนี้สินมีค่าเท่าเดิมถึงแม้อยู่ในภาวะเงินเฟ้อ ลูกหนี้ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นแต่ภาระจ่ายและชำระหนี้เหมือนเดิม

เกิดผลดีทำให้ลดภาระหนี้สินของอีกทั้งภาครัฐและเอกชนกระตุ้นการลงทุน เพราะว่าเงินที่เก็บไว้กับตัวมีมูลค่าลดลง การลงทุนมอบเงินอยู่ในแบบอื่น อย่างเช่น อสังหาริมทรัพย์ ทอง ก็เลยมีมากยิ่งขึ้นการปรับปรุงแก้ไขรวมทั้งควบคุมเงินเฟ้อใช้นโยบายการเงิน คือ ลดรายจ่ายของภาครัฐ และก็ลดจำนวนเงินในมือสามัญชน โดยการเก็บภาษีเพิ่มใช้นโยบายการคลังเป็นลดจำนวนเงินในมือประชากร โดยเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากแล้วก็เงินกู้ ก็เลยทำให้ความปรารถนาซื้อสินค้าและบริการลดลง

รวมทั้งเพิ่มการขายพันธบัตรรัฐบาล ลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลคืน รวมทั้งลดการขยายวงเงินบัตรเครดิตแล้วก็วงเงินสินเชื่อสภาวะเงินเฟ้อมีทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่เสีย ซึ่งในส่วนของข้อบกพร่องพวกเราต้องหาวิธีต่อกรให้ได้ เป็นต้นว่า การฝากเงินบัญชีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูงอย่างการฝากประจำขั้นต่ำ 12 เดือน การซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่สำเร็จทดแทนมากยิ่งกว่าเงินเฟ้อ การลงทุนในหุ้นที่ได้เงินเงินปันผลรวมทั้งเงินทดแทนจากส่วนต่าง แต่ว่าทั้งนี้การลงทุนอะไรก็แล้วแต่มีความเสี่ยง จะต้องเล่าเรียนให้ดีก่อนลงทุน

กระบวนการหมุนเงินเมื่อค่าตอบแทนรายเดือนไม่พอใช้

1. ลดรายการจ่ายที่ไม่มีความสำคัญอย่างแรกที่จำเป็นต้องมาสำรวจเวลาเกิดหนี้ หรือค่าจ้างรายเดือนไม่พอใช้ หมุนเงินไม่ทันเป็นความประพฤติปฏิบัติการใช้จ่ายของตน โดยสำรวจมองว่าถูกใจใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซื้อสิ่งของมาแล้วมิได้ใช้งานให้กำเนิดผลดีหรือไม่ ถ้าเกิดเจอก็ให้ตัดรายการจ่ายด้านนั้นโดยทันที แล้วก็ตรวจสอบดูด้วยว่าสามารถลดรายจ่ายอะไรในชีวิตประจำวันได้บ้าง อาทิเช่น การกินข้าวนอกบ้าน การขึ้นรถแท็กซี่เป็นประจำการซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เป็นต้น กรรมวิธีลดรายจ่ายคือ ทดลองเปลี่ยนมาทำอาหารรับประทานเองหรือเลือกร้านที่ราคาถูกลง ใช้บริการรถยนต์ขนส่งสาธารณะเพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดการช้อปปิ้งต่างๆซื้อเฉพาะเท่าที่มีความจำเป็น

2. ถอนเงินออมผู้ใดกันแน่ที่มีเงินออมแล้วตั้งมั่นไว้ว่าถ้าเกิดไม่เร่งด่วนจริงๆจะไม่นำออกมาใช้เด็ดขาด ซึ่งตอนที่หมุนเงินไม่ทัน ค่าจ้างรายเดือนไม่เพียงพอใช้นี่แหละ ถือเป็นเหตุการณ์เร่งด่วนอย่างหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องรอให้ไม่สบายหรือเกิดเหตุการณ์นึกไม่ถึงถึงค่อยเบิกเงินออมออกมาใช้ เพราะหากไม่มีเงินเราก็จะไปกู้ยืมเงินมาเพิ่ม แถมจำต้องเสียดอกเบี้ยคราวหลัง หรือคนไหนกันแน่มีหนี้สินอยู่แล้วหลังจากนั้นก็แปลงเป็นสร้างหนี้สินเข้าไปอีกต่างหาก

3. กดเงินจากบัตรเงินสดถ้าเกิดต้องการถอนเงินสดมาใช้หนี้ ไม่ควรเลือกกดเงินสดจากบัตรเครดิต เพราะว่ามีค่าธรรมเนียมการกดเงินสดด้วย ให้เลือกบัตรกดเงินสดด้วยเหตุว่าไม่มีคุณค่าธรรมเนียมการกดเงิน และไม่ระบุวงเงินอย่างต่ำ สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังคืออัตราค่าดอกเบี้ยที่สูง แม้กระนั้นก็ถือว่ายังดีกว่าไปกู้นอกระบบที่ดอกแพงกว่า แล้วก็หากจ่ายและชำระหนี้บัตรกดเงินสดได้เร็วก็จะเสียดอกเบี้ยลดน้อยลงเนื่องจากคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน (อ่านเสริมเติมเกี่ยวกับบัตรกดเงินสด)

4. จำนองทองผู้ใดกันแน่ที่มีเงินทองเป็นทองคำ ให้นำทองไปจำนองที่ร้านทองคำหรือที่เรียกว่าขายฝากทองหรือไปที่โรงจำนำ ซึ่งการจำนองทองเป็นการใช้ทองคำเป็นหลักประกันสำหรับในการกู้เงิน แต่บางครั้งก็อาจจะได้ราคาต่ำลงมากยิ่งกว่าราคาทองคำในตอนนั้นเนื่องจากถือได้ว่าทองคำที่ผ่านการใช้แรงงานมาแล้ว โดยการจำนองจำเป็นต้องจ่ายดอกทุกเดือนตราบจนกระทั่งจะครบกำหนดไถ่คืน แต่ว่าก็จัดว่ามีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าบัตรเครดิตหรือการกู้ยืมจำพวกอื่นๆรายวัน (อ่านเพิ่มเกี่ยวกับการจำนองทองคำ)

5. จำนำทะเบียนรถยนต์คนใดกันแน่ที่มีรถยนต์เป็นสินทรัพย์และก็ผ่อนหมดแล้ว สามารถใช้ทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินได้ โดยเงินที่กู้ได้จะประเมินตามอายุของรถซึ่งไม่เกิน 20 ปี หากรถอายุการใช้งานน้อยก็จะได้วงเงินสูงมากขึ้น ส่วนจุดเด่นคือไม่ต้องโอนเล่มทะเบียนรถยนต์ เรายังสามารถใช้รถยนต์ทำธุระต่างๆได้ระหว่างจำนองทะเบียนรถ ได้เงินกู้เร็วมากเทียบกับสินเชื่อจำพวกอื่นๆแล้วก็อัตราค่าดอกเบี้ยน้อยกว่าดอกบัตรเครดิต (อ่านเพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับการจํานําทะเบียนรถ)

6. ขอประนอมหนี้ถ้าหากเป็นหนี้เป็นสินแล้วผ่อนต่อไม่ไหว สิ่งแรกที่ต้องทำคือแสดงตัวกับแบงค์หรือสถาบันการเงินเพื่อขอประนอมหนี้ เนื่องจากถ้าปลดปล่อยไว้ดอกเบี้ยบางทีอาจบานปลายรวมทั้งบางทีอาจถูกฟ้องร้องได้ในที่สุด แล้วหลังจากนั้นผู้เป็นหนี้เป็นสินจำต้องคิดแผนจ่ายและชำระหนี้ร่วมกับแบงค์ อย่างเช่น เพิ่มเวลาผ่อนส่ง ลดจำนวนเงินผ่อนชำระในแต่ละงวด เป็นต้น ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวลหรือกลุ้มใจไปว่าธนาคารจะไม่ยินดีให้การช่วยเหลือ เนื่องจากธนาคารเองก็อยากได้เงินคืนและไม่ต้องการที่จะให้เรื่องถึงศาลเหมือนกัน

7. ขายสินค้ามือสองถ้าหากเป็นก่อนหน้า การเช่าที่ในตลาดนัดแล้วเปิดท้ายขายของอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง แต่ว่าปัจจุบันมีแพลตฟอร์มออนไลน์ซึ่งสามารถลงขายของมือสองได้อย่างไม่ยากเย็นเช่น Marketplace แล้วก็ กรุ๊ปต่างๆใน Facebook หรือจะไลฟ์สดใน Facebook ขายสินค้าก็ได้รับความนิยมชมชอบไม่แพ้กัน ตลอดจนการโพสขายใน Social Media ของตนเองอย่าง Twitter, Instagram การขายของอย่างนี้ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งขายโดยไม่รู้ว่าจะขายได้คุ้มกับค่าใช้จ่ายสำหรับเช่าที่ในทุกวันหรือเปล่าด้วย

8. หารายได้เสริมภายหลังจากทำทั้งหมดทุกอย่างแล้ว เราก็ต้องหารายได้พิเศษจากค่าตอบแทนรายเดือนประจำเพื่อนำมาใช้จ่ายด้วย แม้กระนั้นควรมองหาสิ่งที่ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เงินทุนเพราะมีความเสี่ยงต่อการขาดทุน และกลายเป็นว่าเพิ่มหนี้สินขึ้นมาอีกก้อน ซึ่งการหาเงินเสริมที่แนะนำก็เป็นงานใช้ความสามารถของตัวเอง ดังเช่นว่า การเป็นติวเตอร์ การเป็นบุคลากร Part-time การขายภาพออนไลน์ การรับวาบๆทความ รับเขียนบล็อกออนไลน์ หรือสร้างบล็อกหรือแชแนลวิดีโอของตนเองให้มียอดผู้ติดตามเยอะมากๆเพื่อรอรับโปรโมทเข้า ฯลฯ

(อ่านเสริมเติมเกี่ยวกับการหารายได้เสริม)สิ่งจำเป็นหลังจากปลดหนี้สำเร็จ หรือกลับมาหมุนเงินได้ทันจนกระทั่งมีเงินพอประมาณจ่าย คือการปรับพฤติกรรมการใช้เงินของตนเอง เนื่องจากว่าหากยังทำความประพฤติเหมือนเดิม ก็จะกลับมาติดหนี้ติดสินดังเดิม มีเงินเดือนเท่าใดก็ไม่เพียงพอใช้ และจำเป็นต้องดิ้นรนหาทางหมุนเงินหรือหาทางปลดหนี้สินไม่จบไม่สิ้น ด้วยเหตุนั้นถ้าต้องการให้วงจรการเป็นหนี้สินนี้จบลง จะต้องมีวินัยในตัวเองให้มากมาย และก็รู้จักเก็บออมเงินให้เป็น

การเสียภาษีอากรเป็นสิ่งที่ผู้มีรายได้จำต้องทำทุกปี

ซึ่งก็มีวิธีเยอะแยะสำหรับเพื่อการผ่อนผันภาษี เพื่อช่วยเบาภาระในส่วนนี้ไป รวมทั้งสำหรับคนที่อยากได้ผ่อนปรนภาษี การลงทุนในกองทุนรวม SSF รวมทั้ง RMF เป็นเรื่องที่น่าสนใจเรียน แต่กองทุนทั้งยัง 2 แบบก็มีเป้าหมาย หลักการ เงื่อนไขการลงทุน และผลตอบแทนที่นานับประการ เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากผลประโยชน์สำหรับการผ่อนผันภาษี เราต้องเล่าเรียนและก็เลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดสำหรับการลงทุน

SSF คืออะไร?

SSF ย่อมาจาก Super Saving Fundเป็นกองทุนรวมเพื่อการออม เป็นกองทุนรวมที่ช่วยให้มีการออมในระยะยาวเพิ่มมากขึ้น โดยสามารถลงทุนได้ในหลักทรัพย์ทุกจำพวกรวมถึงตราสารหนี้สินรวมทั้งกองทุนรวม ทำให้มีความยืดหยุ่นเยอะขึ้นเรื่อยๆ และก็ที่สำคัญคือสามารถนำเงินลงทุนใน SSF ไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 30% ของเงินได้แต่ไม่เกิน 200,000 บาท

โดยไม่กำหนดอัตราอย่างน้อยสำหรับในการซื้อไม่มีความจำเป็นที่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี แต่ว่าจำต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ปี ตั้งแต่แมื่อวันที่ซื้อจุดแข็งของ SSFได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกรมสรรพากร เป็นสามารถเอาไปใช้ผ่อนผันภาษีได้ ถ้ามีคุณลักษณะตามเกณฑ์ที่กำหนดมีการปันผลอย่างน้อยปีละครั้ง หรืออาจจะมากกว่าปีละ 1 ครั้งลดการเสี่ยงในช่วงตลาดหุ้นแปรผัน

เนื่องจากว่าได้กำไรจากเงินโบนัสที่ผ่านมาอยู่แล้วไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนตลอดทุกปี ปีไหนไม่ได้อยากต้องการซื้อกองทุนก็ไม่ต้องซื้อได้ครองอย่างต่ำเป็นระยะ 7 ปฏิทิน จึงทำให้มีเงินเก็บเป็นก้อนหมายเหตุ: กองทุน SSF (Super Saving Fund) เป็นกองทุนรวมเพื่อการเก็บออม ที่มาทดแทนกองทุน LTF (Long Term Equity Fund) ที่จะหมดสิทธิในการนำไปลดหย่อยภาษีรายได้หลังจากปี 2562

RMF คืออะไร?

RMF ย่อมาจาก Retirement Mutual Fund คือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนที่เกื้อหนุนการออมเงินระยะยาวไว้ใช้สำหรับยามเกษียณอายุ สามารถถอนเงินลงทุนได้เมื่ออายุ 55 ปี ลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี รวมทั้งเนื่องจากว่าเป็นการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุก็เลยขาดเงินเงินปันผลเนื่องจากว่าเน้นเป็นเงิน แม้กระนั้นหลักการการลงทุนจะมีหลากหลายกว่า LTF เนื่องจากว่ามีการลงทุนในแบบอย่างอื่นๆเว้นเสียแต่หุ้นด้วย ตัวอย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาล ทองคำ ฯลฯ

โดยมีความเสี่ยงนานับประการตั้งแต่ระดับต่ำไปจนกระทั่งระดับสูงจุดเด่นของ RMFได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกรมสรรพากร คือสามารถเอาไปใช้ผ่อนปรนภาษีได้ รับจำนอง แม้มีคุณลักษณะตามเกณฑ์ที่ระบุสามารถแปลงกองทุนได้ตามสภาพเศรษฐกิจ ได้แก่ หากต้องการลดความเสี่ยง จากที่เคยลงทุนในหุ้นก็สามารถเปลี่ยนไปลงทุนในตลาดเงินตราได้เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนระยะยาว

ย้ำคิดเงินเพื่อการเกษียณ โดยจะเริ่มซื้อที่อายุมากแค่ไหนก็ได้และก็ถือกองทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี กระทั่งอายุ 55 ปีก็เลยมีสิทธิ์ขายกองทุนได้จำเป็นต้องลงทุนสม่ำเสมอทุกปี โดยให้เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี เป็นการฝึกหัดวินัยการออมเลือกกองทุนแบบไหนดี?

LTFพึงพอใจลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทต่างๆรับการเสี่ยงได้มากกว่าต้องการถือกองทุนในช่วงเวลาที่สั้นกว่า RMF คือ 10 ปีไม่ต้องการลงทุนสม่ำเสมอทุกปีเป็นผู้มีฐานภาษีต่ำไปจนกระทั่งปานกลางเนื่องจากว่ากองทุน SSF ผ่อนผันภาษีได้มากถึง 30% ของรายได้ควรประเมิน

RMFอยากออมเงินเพื่อการเกษียณอายุสามารถลงทุนได้เป็นประจำทุกปีสามารถถือกองทุนได้ถึงอายุ 55 ปีต้องการความเสี่ยงที่ต่ำหากอยากสิทธิผ่อนผันทางภาษีด้วยการซื้อกองทุนรวม RMF ควรจะมีค่าจ้างรายเดือนถึง 25,833 บาทจะเห็นได้ว่านอกจากผลประโยชน์เรื่องการลดหย่อนภาษีแล้ว ทั้งยัง SSF และก็ RMF ก็ได้ผลผลดีที่นานับประการ โดยนักลงทุนสามารถเลือกได้ตามความต้องการของตัวเอง ไม่ว่าผลประโยชน์ที่อยาก ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ รวมถึงสถานะการเงินของตนเอง เพื่อให้การลงทุนเหมาะสมกับเรามากที่สุ

LTF คืออะไร?

LTF ย่อมาจาก Long Term Equity Fundหมายถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65% ของกองทุน จึงเป็นกองทุนที่มีการเสี่ยงในการลงทุนออกจะสูง กองทุน LTF มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ระยะยาว ทำให้ตลาดหลักทรัพย์มีสภาพคล่องและก็เสถียรภาพเยอะขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้ ถ้าจะขายกองทุน LTF ต้องมีการถือสิทธิ์เป็นระยะ 7 ปีปฏิทินหมายถึงดูจาก พ.ศ.สำนักงานจำหน่ายนั่นเองอย่างไรก็แล้วแต่ ในปี พุทธศักราช 2562

จะสามารถซื้อกองทุนรวม LTF รวมทั้งใช้ผ่อนปรนภาษีได้เป็นปีสุดท้าย เนื่องมาจาก LTF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้เกินกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งทางสภาธุรกิจตลาดกองทุนกำลังเตรียมรับมือ และเล่าเรียนคิดค้นจัดตั้งกองทุนใหม่ที่มีความนำสมัย และก็ตอบโจทย์คนรายได้น้อยและก็ชนชั้นกลางเยอะขึ้นเพื่อมาทดแทนกองทุน LTF ผู้ร่วมลงทุนก็เลยต้องรอจับตากองทุนใหม่ที่คาดว่าจะมาในสิ้นปีนี้

ส่วนผู้ที่ถือกองทุน LTF อยู่ในมือจะไม่เป็นผลกระทบอะไรกับการลงทุน เว้นแต่ซื้อกองทุน LTF เพิ่มมิได้หลังปี พ.ศ. 2562จุดเด่นของ LTFได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกรมสรรพากร คือสามารถใช้ประโยชน์ผ่อนปรนภาษีได้ หากมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดมีการเงินปันผลอย่างน้อยปีละครั้ง หรือบางทีก็อาจจะมากยิ่งกว่าปีละ 1 ครั้งลดการเสี่ยงในตอนตลาดหุ้นปั่นป่วน เนื่องจากได้กำไรจากเงินโบนัสที่ผ่านมาอยู่แล้วไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ปีไหนไม่ได้อยากซื้อกองทุนก็ไม่ต้องซื้อได้ครอบครองอย่างต่ำเป็นระยะ 7 ปฏิทิน จึงทำให้มีเงินเก็บเป็นก้อนเลือกกองทุนแบบไหนดี?

LTFพึงพอใจลงทุนในหุ้นรับการเสี่ยงได้มากกว่ารับได้ถ้าหากบางปีมิได้รับเงินเงินปันผลอยากถือกองทุนในช่วงเวลาที่สั้นกว่า RMFหมายถึง7 ปีไม่ได้อยากลงทุนเป็นประจำทุกปีถ้าต้องการสิทธิลดหย่อนทางภาษีด้วยการซื้อกองทุนรวม LTF ควรจะมีค่าจ้างรายเดือนถึง 25,833 บาท

By ufabet